เครื่องมือคำนวณภาระหนี้ต่อรายได้ (DTI)

ประเมินความสามารถในการกู้และโอกาสอนุมัติสินเชื่อของคุณ

ข้อมูลรายได้และหนี้

ตัวอย่าง: เงินเดือน, โบนัส, รายได้เสริม (ก่อนหักภาษี)

รวมค่าผ่อนบ้าน/คอนโด รถ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ฯลฯ

ตัวอย่างการคำนวณภาระผ่อน:

• ค่าผ่อนบ้าน: 15,000 บาท

• ค่าผ่อนรถยนต์: 8,000 บาท

• ค่าบัตรเครดิตขั้นต่ำ: 3,000 บาท

• สินเชื่อส่วนบุคคล: 2,000 บาท

• รวมทั้งหมด: 28,000 บาท

ผลการคำนวณ DTI

DTI ของคุณคือ:

-- %

DTI คืออะไร ทำไมธนาคารถึงใช้?

DTI (Debt-to-Income Ratio) คือ อัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ เป็นตัวชี้วัดที่ธนาคารใช้ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้

สูตรการคำนวณ DTI:

DTI = (ภาระผ่อนหนี้ทั้งหมดต่อเดือน ÷ รายได้รวมต่อเดือน) × 100

ภาระผ่อนหนี้: ค่างวดสินเชื่อทั้งหมดที่ต้องจ่ายต่อเดือน

รายได้รวม: เงินเดือน โบนัส และรายได้อื่นๆ ก่อนหักภาษี

เหตุผลที่ธนาคารใช้ DTI:

  • • ประเมินความสามารถในการชำระหนี้
  • • ลดความเสี่ยงในการผิดนัดชำระ
  • • ปฏิบัติตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย
  • • เป็นมาตรฐานสากลในการพิจารณาสินเชื่อ

DTI ที่ดีมีประโยชน์อย่างไร:

  • • เพิ่มโอกาสการอนุมัติสินเชื่อ
  • • ได้อัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า
  • • มีความมั่นคงทางการเงิน
  • • สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อเครดิตบูโร

DTI ที่ดีควรเป็นเท่าไหร่?

≤ 36%

ยอดเยี่ยม

โอกาสอนุมัติสินเชื่อสูงมาก

• ธนาคารมักอนุมัติทันที

• ได้อัตราดอกเบี้ยดีที่สุด

• ไม่มีข้อกังวลเรื่องการชำระหนี้

36-43%

ปานกลาง

ธนาคารอาจพิจารณาเพิ่มเติม

• อาจต้องใช้เอกสารประกอบเพิ่ม

• อัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้น

• ต้องมีรายได้ที่มั่นคง

> 43%

สูง

โอกาสอนุมัติน้อยมาก

• ธนาคารอาจไม่อนุมัติ

• ควรลดภาระหนี้ก่อน

• อาจต้องหาผู้ค้ำประกัน

วิธีลด DTI เพื่อเพิ่มโอกาสกู้ผ่าน

  1. 1

    ชำระหนี้ที่มีอยู่ให้หมดหรือลดยอด

    จัดลำดับความสำคัญของหนี้ เริ่มจากหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน การลดยอดหนี้จะช่วยลด DTI ได้โดยตรง

  2. 2

    เพิ่มรายได้ประจำ

    หาอาชีพเสริม ทำงานพิเศษ หรือพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มเงินเดือน รายได้ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลด DTI โดยอัตโนมัติ

  3. 3

    วางแผนการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

    ทำงบประมาณ ติดตามค่าใช้จ่าย และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อให้มีเงินเหลือสำหรับชำระหนี้

  4. 4

    หลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ใหม่ก่อนยื่นกู้

    งดการใช้บัตรเครดิตและสินเชื่อใหม่อย่างน้อย 6 เดือนก่อนยื่นกู้ เพื่อให้ DTI มีเวลาปรับตัวดีขึ้น

ข้อควรระวังสำคัญ

การคำนวณ DTI เป็นเพียงการประเมินเบื้องต้น ธนาคารจะพิจารณาปัจจัยอื่นๆ รวมถึงประวัติการชำระเงินและเครดิตบูโรด้วย

เครดิตบูโร: ประวัติการชำระเงินที่ผ่านมามีผลต่อการอนุมัติมากกว่า DTI

เอกสารประกอบ: ธนาคารอาจต้องการเอกสารรายได้ หลักฐานการทำงาน และข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม

ความมั่นคงของรายได้: อาชีพและรายได้ที่มั่นคงจะช่วยเพิ่มโอกาสการอนุมัติแม้ DTI สูงกว่าเกณฑ์เล็กน้อย

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

คำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับการคำนวณ DTI

DTI (Debt-to-Income Ratio) คือ อัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ เป็นตัวชี้วัดที่ธนาคารใช้ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ คำนวณจาก ภาระผ่อนหนี้ทั้งหมดต่อเดือน ÷ รายได้รวมต่อเดือน × 100

DTI ≤ 36%: ยอดเยี่ยม - โอกาสอนุมัติสูงมาก, DTI 36-43%: ปานกลาง - ธนาคารอาจพิจารณาเพิ่มเติม, DTI > 43%: สูง - โอกาสอนุมัติน้อยมาก

ธนาคารใช้ DTI เป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญในการอนุมัติสินเชื่อ DTI ที่ต่ำแสดงว่าผู้กู้มีความสามารถในการชำระหนี้ดี DTI ที่สูงอาจส่งผลต่อการไม่อนุมัติหรืออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

วิธีลด DTI: 1) ชำระหนี้ที่มีอยู่ให้หมดหรือลดยอด 2) เพิ่มรายได้ประจำ 3) วางแผนการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ 4) หลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ใหม่ก่อนยื่นกู้

อาจแตกต่างเล็กน้อย เพราะธนาคารอาจใช้รายได้ที่หักภาษีและค่าใช้จ่ายจำเป็นแล้ว หรือมีการคิดค่าผ่อนหนี้ในรูปแบบอื่น แต่หลักการคำนวณยังคงเหมือนกัน

ไม่สามารถรับประกันได้ เพราะธนาคารพิจารณาปัจจัยอื่นๆ รวมถึงประวัติการชำระเงิน เครดิตบูโร อายุ อาชีพ และเอกสารประกอบการสมัคร