เครื่องมือคำนวณภาระหนี้ต่อรายได้ (DTI)
ประเมินความสามารถในการกู้และโอกาสอนุมัติสินเชื่อของคุณ
ข้อมูลรายได้และหนี้
ตัวอย่าง: เงินเดือน, โบนัส, รายได้เสริม (ก่อนหักภาษี)
รวมค่าผ่อนบ้าน/คอนโด รถ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ฯลฯ
ตัวอย่างการคำนวณภาระผ่อน:
• ค่าผ่อนบ้าน: 15,000 บาท
• ค่าผ่อนรถยนต์: 8,000 บาท
• ค่าบัตรเครดิตขั้นต่ำ: 3,000 บาท
• สินเชื่อส่วนบุคคล: 2,000 บาท
• รวมทั้งหมด: 28,000 บาท
ผลการคำนวณ DTI
DTI ของคุณคือ:
-- %
DTI คืออะไร ทำไมธนาคารถึงใช้?
DTI (Debt-to-Income Ratio) คือ อัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ เป็นตัวชี้วัดที่ธนาคารใช้ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้
สูตรการคำนวณ DTI:
DTI = (ภาระผ่อนหนี้ทั้งหมดต่อเดือน ÷ รายได้รวมต่อเดือน) × 100
• ภาระผ่อนหนี้: ค่างวดสินเชื่อทั้งหมดที่ต้องจ่ายต่อเดือน
• รายได้รวม: เงินเดือน โบนัส และรายได้อื่นๆ ก่อนหักภาษี
เหตุผลที่ธนาคารใช้ DTI:
- • ประเมินความสามารถในการชำระหนี้
- • ลดความเสี่ยงในการผิดนัดชำระ
- • ปฏิบัติตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย
- • เป็นมาตรฐานสากลในการพิจารณาสินเชื่อ
DTI ที่ดีมีประโยชน์อย่างไร:
- • เพิ่มโอกาสการอนุมัติสินเชื่อ
- • ได้อัตราดอกเบี้ยที่ดีกว่า
- • มีความมั่นคงทางการเงิน
- • สร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อเครดิตบูโร
DTI ที่ดีควรเป็นเท่าไหร่?
ยอดเยี่ยม
โอกาสอนุมัติสินเชื่อสูงมาก
• ธนาคารมักอนุมัติทันที
• ได้อัตราดอกเบี้ยดีที่สุด
• ไม่มีข้อกังวลเรื่องการชำระหนี้
ปานกลาง
ธนาคารอาจพิจารณาเพิ่มเติม
• อาจต้องใช้เอกสารประกอบเพิ่ม
• อัตราดอกเบี้ยอาจสูงขึ้น
• ต้องมีรายได้ที่มั่นคง
สูง
โอกาสอนุมัติน้อยมาก
• ธนาคารอาจไม่อนุมัติ
• ควรลดภาระหนี้ก่อน
• อาจต้องหาผู้ค้ำประกัน
วิธีลด DTI เพื่อเพิ่มโอกาสกู้ผ่าน
-
1
ชำระหนี้ที่มีอยู่ให้หมดหรือลดยอด
จัดลำดับความสำคัญของหนี้ เริ่มจากหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน การลดยอดหนี้จะช่วยลด DTI ได้โดยตรง
-
2
เพิ่มรายได้ประจำ
หาอาชีพเสริม ทำงานพิเศษ หรือพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มเงินเดือน รายได้ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลด DTI โดยอัตโนมัติ
-
3
วางแผนการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
ทำงบประมาณ ติดตามค่าใช้จ่าย และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อให้มีเงินเหลือสำหรับชำระหนี้
-
4
หลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ใหม่ก่อนยื่นกู้
งดการใช้บัตรเครดิตและสินเชื่อใหม่อย่างน้อย 6 เดือนก่อนยื่นกู้ เพื่อให้ DTI มีเวลาปรับตัวดีขึ้น
ข้อควรระวังสำคัญ
การคำนวณ DTI เป็นเพียงการประเมินเบื้องต้น ธนาคารจะพิจารณาปัจจัยอื่นๆ รวมถึงประวัติการชำระเงินและเครดิตบูโรด้วย
เครดิตบูโร: ประวัติการชำระเงินที่ผ่านมามีผลต่อการอนุมัติมากกว่า DTI
เอกสารประกอบ: ธนาคารอาจต้องการเอกสารรายได้ หลักฐานการทำงาน และข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม
ความมั่นคงของรายได้: อาชีพและรายได้ที่มั่นคงจะช่วยเพิ่มโอกาสการอนุมัติแม้ DTI สูงกว่าเกณฑ์เล็กน้อย
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
คำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับการคำนวณ DTI
DTI (Debt-to-Income Ratio) คือ อัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ เป็นตัวชี้วัดที่ธนาคารใช้ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ คำนวณจาก ภาระผ่อนหนี้ทั้งหมดต่อเดือน ÷ รายได้รวมต่อเดือน × 100
DTI ≤ 36%: ยอดเยี่ยม - โอกาสอนุมัติสูงมาก, DTI 36-43%: ปานกลาง - ธนาคารอาจพิจารณาเพิ่มเติม, DTI > 43%: สูง - โอกาสอนุมัติน้อยมาก
ธนาคารใช้ DTI เป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญในการอนุมัติสินเชื่อ DTI ที่ต่ำแสดงว่าผู้กู้มีความสามารถในการชำระหนี้ดี DTI ที่สูงอาจส่งผลต่อการไม่อนุมัติหรืออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
วิธีลด DTI: 1) ชำระหนี้ที่มีอยู่ให้หมดหรือลดยอด 2) เพิ่มรายได้ประจำ 3) วางแผนการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ 4) หลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ใหม่ก่อนยื่นกู้
อาจแตกต่างเล็กน้อย เพราะธนาคารอาจใช้รายได้ที่หักภาษีและค่าใช้จ่ายจำเป็นแล้ว หรือมีการคิดค่าผ่อนหนี้ในรูปแบบอื่น แต่หลักการคำนวณยังคงเหมือนกัน
ไม่สามารถรับประกันได้ เพราะธนาคารพิจารณาปัจจัยอื่นๆ รวมถึงประวัติการชำระเงิน เครดิตบูโร อายุ อาชีพ และเอกสารประกอบการสมัคร