เครดิตบูโร คืออะไร? (ฉบับเข้าใจง่าย)

ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับเครดิตบูโร

เครดิตบูโร ไม่ใช่ แบล็กลิสต์

เครดิตบูโร (Credit Bureau) คือองค์กรที่เก็บรวบรวมข้อมูลทางการเงินของบุคคลและธุรกิจ เพื่อประเมินความสามารถในการชำระหนี้และความน่าเชื่อถือทางการเงิน ข้อมูลเหล่านี้จะถูกใช้โดยธนาคาร สถาบันการเงิน และบริษัทเครดิตเพื่อตัดสินใจในการให้สินเชื่อ

เครดิตบูโรไม่ใช่แบล็กลิสต์

หลายคนเข้าใจผิดว่าเครดิตบูโรเป็น "แบล็กลิสต์" ที่จะทำให้ไม่สามารถกู้เงินได้เลย แต่จริงแล้วเครดิตบูโรเป็นเพียงระบบบันทึกข้อมูลประวัติทางการเงิน ทั้งข้อมูลที่ดีและไม่ดี เพื่อให้ธนาคารตัดสินใจอย่างยุติธรรม

หากคุณมีประวัติทางการเงินที่ดี ระบบจะแสดงคะแนนเครดิตสูง ทำให้สามารถกู้เงินได้ง่าย แต่หากมีประวัติที่ไม่ดี เช่น ค้างชำระหนี้ ธนาคารจะพิจารณาอย่างรอบคอบมากขึ้น

ข้อมูลอะไรบ้างที่อยู่ในเครดิตบูโร

ข้อมูลที่ดี

  • • การชำระหนี้ตรงเวลา
  • • ประวัติการกู้ยืมที่มี
  • • ยอดคงเหลือบัตรเครดิต
  • • ประวัติการใช้งานบัตรเครดิต
  • • การเป็นสมาชิกธนาคาร

ข้อมูลที่ไม่ดี

  • • การค้างชำระหนี้
  • • การชำระล่าช้า
  • • การปฏิเสธสินเชื่อ
  • • การฟ้องร้องหนี้
  • • การยอมรับความเสี่ยงสูง

ข้อมูลที่ไม่ถูกเก็บ

  • • รายได้ส่วนตัว
  • • ชื่อเล่นหรือชื่อผู้ใช้งาน
  • • ข้อมูลเชิงส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเงิน
  • • ประวัติการเปลี่ยนงาน
  • • ประวัติที่เกิน 5 ปีแล้ว

"ติดบูโร" หรือ "ติดแบล็กลิสต์" คืออะไร

"ติดบูโร" หมายถึงการมีประวัติทางการเงินที่ไม่ดีในระบบเครดิตบูโร ซึ่งอาจทำให้ธนาคารและสถาบันการเงินลังเลในการให้สินเชื่อ

สาเหตุที่ติดบูโร

  • • ค้างชำระบัตรเครดิตเกินกำหนด
  • • ค้างชำระสินเชื่อส่วนบุคคล
  • • ค้างชำระรถยนต์หรือบ้าน
  • • ไม่ชำระค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์
  • • รับเช็คเด้งหรือเช็คไม่มีเงิน

ผลกระทบของการติดบูโร

  • • ยากต่อการขอสินเชื่อใหม่
  • • อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าปกติ
  • • เงื่อนไขการกู้ที่เข้มงวดขึ้น
  • • ต้องมีผู้ค้ำประกันเพิ่มเติม
  • • วงเงินอนุมัติที่น้อยลง

วิธีเช็คเครดิตบูโรด้วยตัวเอง

วิธีที่ 1: เช็คผ่านแอพธนาคาร

ธนาคารหลักๆ เช่น กสิกรไทย กรุงเทพ กรุงไทย กรุงศรี และไทยพาณิชย์ มีบริการเช็คเครดิตบูโรผ่านแอพพลิเคชันธนาคาร

ขั้นตอน:

  1. เปิดแอพธนาคารที่ใช้งาน
  2. เลือกเมนู "เครดิตบูโร" หรือ "ข้อมูลเครดิต"
  3. เลือก "เช็คคะแนนเครดิต" หรือ "ดูประวัติ"
  4. กรอกเลขบัตรประชาชนและข้อมูลที่ขอ
  5. รอรับผลลัพธ์

วิธีที่ 2: เช็คผ่านตู้ ATM

เข้าตู้ ATM ของธนาคารที่เป็นสมาชิกเครดิตบูโร เช่น กสิกรไทย กรุงเทพ กรุงไทย

ขั้นตอน:

  1. เสียบบัตร ATM และกรอกรหัส PIN
  2. เลือกเมนู "บริการเครดิตบูโร"
  3. เลือก "เช็คประวัติเครดิต"
  4. กรอกเลขบัตรประชาชน
  5. รับใบสรุปผลทางเครื่องพิมพ์

วิธีที่ 3: เช็คผ่านเว็บไซต์เครดิตบูโร

สามารถเช็คได้ผ่านเว็บไซต์ของ National Credit Bureau (NCB) โดยต้องสมัครสมาชิกและยืนยันตัวตนก่อน

เคล็ดลับการเช็คเครดิตบูโร

  • • เช็คเครดิตบูโรอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง
  • • ตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องทุกครั้ง
  • • หากพบข้อมูลผิด ให้รีบติดต่อธนาคารและเครดิตบูโร
  • • เก็บใบสรุปผลไว้เป็นหลักฐาน

วิดีโอสอนจากผู้เชี่ยวชาญ

วิดีโอจาก NCB

วิดีโออธิบายการใช้งานเครดิตบูโร จาก National Credit Bureau

เล่นวิดีโอ

Money Coach

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินส่วนบุคคล

เล่นวิดีโอ

คำถามที่พบบ่อย

การติดบูโรจะถูกเก็บในระบบเป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่มีปัญหาเกิดขึ้น เช่น ค้างชำระ หรือชำระล่าช้า หลังจากครบ 5 ปีแล้วข้อมูลจะถูกลบออกจากระบบโดยอัตโนมัติ แต่หากยังมียอดค้างชำระอยู่ เครดิตบูโรจะไม่ลบจนกว่าจะชำระหมด

สามารถกู้ได้ แต่มีเงื่อนไขที่เข้มงวดกว่าปกติ เช่น ต้องมีรายได้ที่สูงขึ้น ต้องมีผู้ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หรือต้องวางเงินดาวน์มากกว่าปกติ ธนาคารจะพิจารณาจากความร้ายแรงของประวัติและความสามารถในการชำระหนี้

ประวัติการชำระหนี้ที่ดีจะถูกเก็บไว้ตลอดชีวิต เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือของลูกค้า ส่วนประวัติที่ไม่ดี เช่น ค้างชำระ จะถูกเก็บเป็นเวลา 5 ปีนับจากวันที่ปัญหาเกิดขึ้น หากมีการชำระครบแล้ว

มีวิธีแก้ไข ได้แก่ 1) ชำระหนี้ค้างให้หมด 2) สร้างประวัติใหม่ด้วยการชำระตรงเวลา 3) ใช้บัตรเครดิตอย่างรับผิดชอบ 4) เช็คประวัติสม่ำเสมอ 5) หากมีข้อมูลผิด ให้ติดต่อแก้ไขทันที ความอดทนและการใช้จ่ายอย่างมีวินัยจะช่วยปรับประวัติให้ดีขึ้น

เครดิตบูโรสำคัญเพราะเป็นตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือทางการเงิน ธนาคารใช้ประวัตินี้ในการตัดสินใจให้สินเชื่อ ยิ่งมีคะแนนเครดิตสูง ยิ่งมีโอกาสกู้เงินได้ง่าย อัตราดอกเบี้ยต่ำ และเงื่อนไขดีกว่า

คำเตือนสำคัญ (YMYL)

การกู้ยืมมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ เว็บไซต์นี้เป็นเพียงผู้ให้ข้อมูล ไม่ใช่ผู้ให้กู้ ผู้ใช้ควรตรวจสอบเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยจากแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการก่อนทำการกู้ยืม